หน้าเว็บ

วราพร

วราพร

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ฟักข้าวสุดยอดผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ





       ฟักข้าว แคปซูล ผลิตจาก ผงฟักข้าวแท้จากเวียดนาม ที่มีสารเบต้าแคโรทีนและสารไลโคพีนในปริมาณสูงมาก เป็นผลิตภัณฑ์แคปซูล ที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้

       ฟักข้าว เป็นไม้เถาเลื้อยพัน มีมือเกาะ ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงแบบสลับ ใบรูปหัวใจหรือรูปไข่ ผลฟักข้าวมีเปลือกหนา ผลสุกเนื้อในหนามีสีส้ม ภายในมีเยื่อสีแดงให้เมล็ดเกาะ เนื้อผลสุกกินได้

            เยื่อเมล็ดของฟักข้าวมีปริมาณเบต้าแคโรทีนมาก กว่าแครอต 10 เท่า  และ มีไลโคพีนมากกว่ามะเขือเทศ 70 เท่า มีวิตามินซี มากกว่าส้ม 60 เท่า  มีzeaxanthin กว่าข้าวโพด 28 เท่าและมีกรดไขมันขนาดยาวประมาณร้อยละ 19 ของมวล การกินบีตาแคโรทีนจากฟักข้าวพบว่าดูดซึมในร่างกายได้ดีเพราะละลายได้ในกรดไขมันดังกล่าว

       ผลจากสรรพคุณของสาระสำคัญใน ฟักข้าว แคปซูลทำให้สามารถแก้ปัญหาโรคบางชนิดได้จริง โดยผู้ดื่มจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของสุขภาพร่างกาย หลังจากรับประทาน ฟักข้าว แคปซูลไปแล้วระยะหนึ่ง       
        รับประทาน ฟักข้าว แคปซูล มีแต่ได้รับประโยชน์จาก สรรพคุณที่ผ่านจากวิจัยการการแพทย์มาแล้ว


 - มีปริมาณเบต้าแคโรทีนมาก กว่าแครอท 10 เท่า

 - มีไลโคพีนมากกว่ามะเขือเทศ 70 เท่า

 - มีปริมาณวิตามินซี สูงกว่า ส้ม 60 เท่า

 - มี zeaxanthin กว่าข้าวโพด   28 เท่า

 - ช่วยป้องกันโรคหัวใจ โรคหัวใจขาดเลือด หลอดเลือดหัวใจ

 - ป้องกันและแก้ปัญหาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

 - ช่วยป้องกันโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ช่วยป้องกันและแก้ปัญหาตับอักเสบ

 - ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด

 - ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคเกี่ยวกับดวงตา ป้องกันเยื่อนัยน์ตาแห้งที่มีสาเหตุจากสารสำคัญในเรติน่า

 - ชะลอความแก่ ป้องกันผิวหนังแห้งตกสะเก็ด บำรุงผิวพรรณ

 - โปรตีนในเมล็ดฟักข้าวมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อเอชไอวี-เอดส์ และยับยั้งเซลล์มะเร็ง

 - เหมาะสำหรับผู้ป่วยในระยะพักฟื้นและผู้มีปัญหาสุขภาพ มีโรคประจำตัว อ่อนแอขี้โรค

 - ช่วยป้องกัน และบรรเทาการขาดวิตามิน และสารอาหารต่างๆ ทั้งในเด็ก และผู้ใหญ่

 - เหมาะสำหรับผู้ป่วยในระยะพักฟื้นและผู้มีปัญหาสุขภาพ มีโรคประจำตัว อ่อนแอ

 - ช่วยป้องกันและรักษาการติดเชื้อจากการใช้รังสี  ได้รับสารพิษจากการที่บริโภคมากเกินไป และสารพิษต่างๆ ที่ปนเปื้อนอยู่ในผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ต่างๆ ทั้งนี้ยังช่วยปรับสภาพร่างกายให้ฟื้นฟูโดยเร็ว และป้องกันการเกิดสารก่อมะเร็ง


วิธีรับประทาน   รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้า  และ ก่อนนอน
       ปริมาณใน 1 แคปซูล :  1 แคปซูล ปริมาณ 500 มก. (มีส่วนผสมจาก ฟักข้าว 100%)
       ผลิตจากผงฟักข้าวแท้ 100% จากประเทศเวียดนาม      

รับประทาน ฟักข้าวแคปซูล 1 แคปซูล เท่ากับรับประทาน มะเขือเทศ 3 กก.





ฟักข้าว แคปซูล 


ปริมาณและราคา 1 ขวด มี 

90แคปซูล ราคา 1300 บาท


ดูข้อมูลที่   http://pannfitgac.blogspot.com/


สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย 


คุณ วราพร แคล้วศึก


โทร. 085-9083178

วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

หัวใจโตต้องลองฟักข้าว







หัวใจโต เป็นอย่างไร เป็นโรคหัวใจชนิดหนึ่งหรือไม่ น.พ.บัญชา ศันสนีวิทยกุล อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจ ให้คำตอบไว้ในรายการ ไทยคลินิค ดอท คอม


ตอบ  :       ขนาดหัวใจคนปกติโดยทั่วไป ขนาดเท่ากับกำปั้นมือของเจ้าของ ไม่เล็กไม่ใหญ่ ขนาดพอดี



ตอบ  :       โรคหัวใจมีหลายอย่าง เวลาคนไข้มาสอบถามว่า กลัวจะเป็นโรคหัวใจ เป็นโรคหัวใจหรือเปล่า คนไข้จะไม่รู้ว่า ความจริงแล้วโรคหัวใจมีหลายประเภท เช่น โรคหัวใจ ลิ้นหัวใจ เช่น การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ การถูกทำลายที่ลิ้นหัวใจ หรือว่าเป็นโรคของกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม คือ กล้ามเนื้อหัวใจที่เคยบีบตัวมาตลอดชีวิต ก็เริ่มทำงานลดลง เสื่อมสภาพไปเร็วกว่ากำหนด หรือโรคหัวใจที่พบบ่อยที่สุดทุกวันนี้ คือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด มีหลากหลายเหลือเกิน


ตอบ  :       ใช่ครับ โรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นโรคที่พบบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมไทย ซึ่งเปลี่ยนจากสังคมตะวันออก เป็นสังคมตะวันตก คือว่าเรามีการบริโภคอาหาร ที่มีไขมันมากขึ้น มีความเครียดมากขึ้น สูบบุหรี่มากขึ้น อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ เป็นภัยต่อหัวใจมากขึ้น ทำให้โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับโรคหัวใจชนิดอื่นๆ


กล้ามเนื้อหัวใจ หรือว่าเส้นเลือด สาเหตุของมันแตกต่างกัน

อย่างไร

ตอบ  :       แตกต่างกันค่อนข้างมาก ยกตัวอย่าง เช่น โรคลิ้นหัวใจ ที่มักจะเกิดในสภาพสังคมคน ที่ค่อนข้างจะยากจนซักหน่อยนึง เพราะสาเหตุการเกิดเนื่องจาก มีการติดเชื้อที่บริเวณทางเดินหายใจ หลังจากนั้นเชื้อ หรือปฏิกิริยาจากการติดเชื้อ ก็ลงไปจู่โจมที่ลิ้นหัวใจ ทำให้ลิ้นหัวใจเกิดการอักเสบ เกิดการทำลายเกิดขึ้น แล้วเกิดลิ้นหัวใจตีบ และลิ้นหัวใจรั่วตามมา ซึ่งภาวะนี้ทุกวันนี้ ในสังคมที่พัฒนาขึ้นแล้วอย่างบ้านเรา พอเป็นไข้หวัดขึ้นที เราก็มักจะได้รับยาปฏิชีวนะกันค่อนข้างเร็ว เชื้อโรคก็ไม่เพิ่มปริมาณมากขึ้น ปฏิกิริยาต่อสู้กับเชื้อโรค ก็ไม่ไปจู่โจมที่หัวใจ เพราะฉะนั้น โรคลิ้นหัวใจ จึงลดลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในชุมชนเมือง ก็ยังเหลือแต่ในชนชนบท ซึ่งยังห่างไกลการรักษาพยาบาลอยู่ แต่เรื่องของหลอดเลือดตีบที่พบบ่อย และเป็นที่กังวลของคนมากขึ้น ทุกวันนี้ เราลองมานึกดูนะครับว่า หัวใจคนเรา เคยทานหัวใจหมู ก็จะเห็นว่าเป็นอวัยวะที่เป็นก้อน และก็จะมีผนังกล้ามเนื้อหัวใจอยู่ กล้ามเนื้อหัวใจต้องทำงานตลอดเวลา 24 ช.ม.ต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์ / 52 สัปดาห์ต่อปี จะเห็นว่า หัวใจก็ต้องการอาหารไปเลี้ยงเหมือนกัน เพราะเขาทำงานหนัก จึงจะต้องมีเลือดมาเลี้ยงเขา เลือดที่มาเลี้ยงหัวใจ ก็อยู่บนผิวของหัวใจ และส่งมาเลี้ยงหัวใจ เพื่อให้หัวใจทำงานได้ตามปกติ ทีนี้วันดีคืนดี หลอดเลือดหัวใจ ที่เคยไหลเวียนได้สะดวก เหมือนกับท่อส่งน้ำ ก็เกิดอาการอุดตันเกิดขึ้น ไหลเวียนไม่สะดวก แต่การที่ท่อส่งน้ำจะเกิดตีบตันขึ้นมา มันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ มันมีตัวเร่งอยู่


1.เพศชาย : เพศชายค่อนข้างจะเสียเปรียบกว่าเพศหญิง เกิดก็

ยาก ตายก็ง่าย โรคหัวใจก็เป็นง่ายกว่าเพศหญิงเยอะ พออายุเกิน 45 ปี ก็เริ่มเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ พร้อมอายุที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้หญิงมักจะต้องเกิดเมื่อ55 ปีไปแล้ว หรือหลังจากวัยหมดประจำเดือนไปแล้ว

2.อายุ : เมื่ออายุมากขึ้น โอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบก็จะเพิ่มขึ้น ถึงแม้หน้าตาจะดูเด็ก แต่เราก็เปลี่ยนความเสื่อมภายในไม่ได้อยู่ดี

3.พันธุกรรม : ถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็นโรคหัวใจเร็ว แนวโน้มเราจะมีโรคหัวใจ ที่เกิดขึ้นค่อนข้างเร็ว บางคนอายุ 35 ปี ก็มาด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายแล้ว ดังนั้นพันธุกรรมก็เป็นตัวกำหนดว่า เราจะเป็นโรคหัวใจ ชนิดหลอดเลือดหัวใจตีบมากง่ายหรือเปล่า

4.การสูบบุหรี่ : ยิ่งสูบมากเท่าไหร่ โรคหัวใจก็ถามหาเร็วขึ้นไม่ใช่แต่โรคปอดเท่านั้น

5.โรคความดันโลหิตสูง

6.โรคเบาหวาน

7.โรคไขมันสูง


8.ภาวะเครียด : คนที่ชอบการแข่งขัน ชอบเอาชนะและไม่เดิน

ทางสายกลาง ก็มักจะได้โรคหัวใจแถมไปด้วย และจะยืนอยู่บน

ความสำเร็จไม่ได้นาน นี่คือสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ส่วนสาเหตุของโรคหัวใจอื่นๆ ก็จะหลากหลายกันออกไป (แต่โรคใจอ่อน ใจง่ายนั้นไม่เกี่ยว แล้วแต่บุคคลเอง) และผ่าตัดแปลงเพศแล้ว มันก็ไม่ได้เปลี่ยนพันธุกรรม ของความเป็นเพศชายไปได้ มันแก้ไขไม่ได้ แต่มีปัจจัยบางอย่างที่แก้ไขได้ก็คือ ถ้าเป็นเบาหวาน ก็ควบคุมเบาหวานให้ดี อย่าบริโภคอาหารที่หวาน เกินกำลังของร่างกาย ถ้าเป็นความดันโลหิตสูง ก็ควบคุมความดัน ถ้าเป็นคนที่ชอบสูบบุหรี่ อันนี้ต้องลดลงชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมระยะยาว ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มีหลายปัจจัยที่ควบคุมได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าต้องอาศัยความอดทนเป็นแบบนักกีฬา





ฟักข้าว แคปซูล 


ปริมาณและราคา 1 ขวด มี 

90แคปซูล ราคา 1300 บาท


ดูข้อมูลที่   http://pannfitgac.blogspot.com/


สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย 


คุณ วราพร แคล้วศึก


โทร. 085-9083178

หรือที่http://pannfit.blogspot.com/


คุณวราพร แคล้วศึก โทร 085-9083178

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ปวด และ เมื่อยที่่ใครๆก็เป็นได้>>>>>>แก้ไขด้วยฟักข้าวน้ำมัน






ผู้สูงอายุหลายท่าน มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ยาวันละหลาย ๆ เม็ด และพบว่ายาที่ผู้สูงอายุใช้มากกลุ่มหนึ่ง คือยาแก้ปวด ซึ่งรวมทั้งยาลดอาการอักเสบของกล้ามเนื้อและข้อ ยาชุด และยาลูกกลอน ทั้งนี้เนื่องจากผู้สูงอายุมักจะพบกับปัญหาปวดตามตัว และปวดได้เกือบทุกที่ เช่น ปวดต้นคอ ปวดไหล่ ปวดหลัง เอว ปวดขา และปวดเข่า บางโรคปวดเวลาเดิน พอนอนพักอาการก็จะดีขึ้น บางโรคพอนอนแล้วอาการกลับมากขึ้น พอเดินไปสักพักก็ค่อยยังชั่ว ผู้สูงอายุจึงต้องพึ่งยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดเหล่านี้ 

อาการปวดเมื่อยเกิดได้จากสาเหตุหลายอย่างได้แก่ 


กล้ามเนื้อทำงานมากในบางตำแหน่ง ทำให้เกิดความล้าหรือเกิดอาการหดเกร็งเฉพาะที่ ส่วนใหญ่อาการปวดแบบนี้จะปวด ๆ เมื่อย ๆ ในบริเวณของกล้ามเนื้อที่มีปัญหา มักพบที่ศอกหลังและเอวเป็นส่วนใหญ่ และมักจะเป็นผลมาจากการอยู่ในท่าใดท่าหนึ่ง ที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน ๆ เช่น นั่งก้มหลังมากเกินไป อาจจะเพราะมีความเคยชิน หรือหลังโกงจากกระดูกสันหลังทรุด กล้ามเนื้อหลังบางส่วนมีการหดเกร็งมากกว่าปกติ ทำให้ปวดได้ สาเหตุที่พบบ่อยอีกประเภทหนึ่ง คือ ท่านอนที่ไม่เหมาะสม เช่น ใช้หมอนสูงเกินไป ทำให้คอเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งมากกว่าปกติ ที่นอนนิ่มเกินไป พอลงไปนอนที่นอนยุบตัวลง ทำให้กระดูกสันหลังอยู่ในลักษณะโก่งงอเป็นเวลานาน พอตื่นขึ้นมาจะรู้สึกเมื่อย และในทางกลับกันถ้าใช้ที่นอนแข็งเกินไป และนอนหงายเป็นส่วนใหญ่ กระดูกสันหลังส่วนเอวจะมีการแอ่นตัวผิดปกติ เพราะส่วนก้นและสะโพกก้นติดกับพื้น หนุนให้ส่วนเอวแอ่นขึ้นทำให้ปวดหลังได้เช่นกัน การยกของหนักโดยใช้ท่าที่ไม่ถูกต้อง ก็ทำให้เกิดการปวดเจ็บที่กล้ามเนื้อได้ จึงต้องระมัดระวังเกี่ยวกับการยกของเป็นพิเศษ 

2. อาการปวด จากเส้นเอ็น 

พบบ่อยบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวข้อมาก ๆ เช่น บริเวณไหล่ ศอก ข้อมือ ส้นเท้า เอ็นร้อยหวาย เกิดจากการอักเสบของเส้นเอ็นในบริเวณนี้ และถ้าไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจจะทำให้เกิดความพิการต่อไป เช่น ไหล่ติด ยกแขนไม่ขึ้น ทำให้ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามที่ควรจะเป็น 


ทำให้มีอาการปวดแสบ และร้าวไปตาม เส้นประสาทนั้น ๆ ถ้ามีอาการมาก อาจจะทำให้กล้ามเนื้อที่เลี้ยงด้วยเส้นประสาทนั้นอ่อนแรงลง ถ้าเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงขาถูกกด อาจจะทำให้เดินลำบากได้ ตำแหน่งที่พบบ่อยคือที่บริเวณกระดูกคอ เกิดขึ้นจากกระดูกสันหลังบริเวณคอเสื่อม มีแคลเซียมมาเกาะ และกดลงไปที่เส้นประสาทที่ออกจากช่องระหว่างกระดูกคอ 

ผู้ป่วยจะมีอาการปวดที่คอ ไหล่ และอาจจะปวด ลงไปที่แขน และมือ ส่วนใหญ่มักจะมีอาการที่คอด้านใดด้านหนึ่ง บางรายถ้าเป็นมากอาจจะเป็นทั้ง 2 ด้านก็ได้ 

นอกจากที่คอแล้ว บริเวณหลัง เอว ก็เกิดอาการนี้ได้บ่อยเช่นกัน ส่วนมากเกิดจากการยกของหนัก ในท่าที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ส่วนของกระดูกสันหลังที่เรียกว่า หมอนรองกระดูก ซึ่งอยู่ระหว่างกระดูกสันหลัง 2 อัน เคลื่อนออกมาจากตำแหน่งเดิม มากดทับเส้นประสาทที่อยู่ใกล้เคียง ผู้ป่วยจะเกิดอาการปวดหลังอย่างมาก และส่วนใหญ่จะเป็นแบบเฉียบพลัน จะมีอาการปวดร้าวไปที่ขาข้างใดข้างหนึ่ง อาการปวดที่รุนแรงจนถึงขั้นต้องนอนพักหลาย ๆ วัน 

4. ปวดข้อ

ผู้สูงอายุเป็นโรคข้อได้หลายโรค ที่เจอบ่อยได้แก่ข้อเสื่อม ส่วนมากมักพบที่หัวเข่า โดยเฉพาะในรายที่อ้วนมาก หรือในคนที่ทำงานแบกหาม ต้องแบกของน้ำหนักมาก ๆ นาน ๆ ทำให้ข้อเข่าต้องรับน้ำหนักมากกว่าปกติ ผู้ที่ต้องขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ หลาย ๆ ครั้ง และขึ้นลงอย่างรุนแรง (วิ่งหรือกระโดดลง) ทำให้กระดูกอ่อนในข้อเข่าเสื่อมมากกว่าปกติ เมื่ออายุมากขึ้นจะเกิดอาการปวดข้อได้ ลักษณะการนั่งของคนไทยที่นิยมนั่งกับพื้น โดยการนั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิหรือนั่งยอง ๆ มีการพับงอของหัวเข่าอย่างมาก เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อรอบเข่า มีการยืดผิดปกติ และในช่วงที่มีการงอเข่ามาก ๆ เลือดจะมาเลี้ยงเข่าไม่สะดวก ทำให้หัวเข่าไม่แข็งแรง และเกิดปัญหาในเวลาต่อมาได้ 

นอกจากนี้ที่บริเวณหัวเข่าแล้ว ข้อเสื่อมบริเวณนิ้วมือก็พบได้ไม่น้อยเช่นกัน จะมีอาการปวดและข้อบวมโตกว่าปกติ ที่ข้อนิ้วมือส่วนปลายเกือบทุกนิ้ว ส่วนมากมักพบในสตรี คิดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับการทำงานที่ใช้มือมากเช่น ซักและบิดผ้า เป็นต้น 


การปวดข้อที่เกิดจากสาเหตุอื่นได้แก่ จากโรคเก๊าท์ การติดเชื้อในข้อ และโรคข้อชนิดอื่น เช่น รูมาตอยด์ เป็นต้น ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ส่วนใหญ่ มักจะเริ่มปวดข้อครั้งแรกในวัยกลางคน มักปวดที่ข้อที่ข้อนิ้วหัวแม่เท้าเป็นส่วนใหญ่ แต่อาจจะปวดที่ข้ออื่น ๆ ก็ได้ อาการปวดมักเริ่มในตอนกลางคืน และปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผู้ป่วยต้องตื่นขึ้นมา ที่ข้อจะมีอาการบวม แดง ร้อนชัดเจน และเจ็บมากเวลามีการเคลื่อนไหวหรือถูกกระทบกระทั่ง สาเหตุเกิดจากกรดยูริกในเลือดไปตกตะกอนที่ข้อ ทำให้เกิดการอักเสบขึ้น ในผู้ป่วยบางรายได้รับการรักษาอาการข้ออักเสบจากเก๊าท์ดีขึ้นแล้ว มักจะคิดว่าหายแล้ว และไม่ได้ติดตามรับการรักษาต่อไป อาจจะกลับมามีอาการปวดข้อได้อีกเป็นระยะ ๆ ส่วนมากจะพบหลังจากการปวดครั้งแรกประมาณ 5-10 ปี ดังนั้นถ้าหากได้รับการวินิจฉัยว่า ปวดข้อจากโรคเก๊าท์ ผู้ป่วยจะต้องดูแลตนเอง ควบคุมอาหารที่อาจจะกระตุ้นให้โรคกำเริบขึ้นอีก แล้วจะต้องพบแพทย์และติดตามการรักษาเป็นระยะ เพื่อควบคุมให้ปริมาณกรดยูริกในเลือดอยู่ในระดับที่เหมาะสม 

5. การปวดเมื่อยจากเส้นเลือด 

ถ้ามีการผิดปกติของเส้นเลือดแดง หรือเส้นเลือดดำก็จะทำให้เกิดอาการปวดได้ แต่ลักษณะการปวดจะแตกต่างกันไป ถ้าเส้นเลือดแดงตีบแคบลง เลือดเดินไปสู่กล้ามเนื้อไม่สะดวก จะทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยที่กล้ามเนื้อนั้น ๆ ได้ การปวดจะเป็นค่อนข้างเร็ว และมักจะมีอาการจนทำให้ผู้ป่วยต้องหยุดการเคลื่อนไหว หรือการใช้งานของกล้ามเนื้อนั้น ๆ เช่น ถ้าเส้นเลือดแดงที่ขาตีบ ถ้าเดินมากกล้ามเนื้อขาต้องการเลือดไปเลี้ยงมากขึ้น แต่เลือดไปไม่ได้ ทำให้กล้ามเนื้อทำงานต่อไปไม่ไหว เกิดอาการเจ็บปวดจนต้องหยุดเดินและนั่งพัก หลังจากหยุดเดินสักพักอาการดีขึ้น ปวดลดลง ก็สามารถจะเดินต่อไปได้อีก 

หลอดเลือดดำผิดปกติ เกิดจากหลอดเลือดดำมีการโป่งพอง เนื่องจากลิ้นกั้นในหลอดเลือดดำผิดปกติไป ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่ขา พบในคนที่ต้องยืนทำงานเป็นเวลานาน ๆ และอาจพบบ่อยในสตรีที่มีบุตรหลาย ๆ คน เพราะการตั้งครรภ์บุตรแต่ละคนนั้น เมื่อทารกในครรภ์โตขึ้น ก็จะกดลงที่เส้นเลือดดำในช่องท้องส่วนล่าง ทำให้เลือดดำจากขากลับสู่ช่องท้องไม่สะดวก เลือดจึงคั่งอยู่ที่ขา ทำให้ลิ้นกั้นในหลอดเลือดดำเสีย เกิดอาการปวดเมื่อยที่กล้ามเนื้อซึ่งมีเลือดคั่งอยู่ ส่วนมากจะมีอาการตอนช่วงเย็นของวันที่มีการยืนมาก ๆ และบางครั้ง อาจปวดมากขึ้นในเวลานอน ถึงขั้นรบกวนการนอนหลับก็เป็นได้






ฟักข้าว แคปซูล 


ปริมาณและราคา 1 ขวด มี 

90แคปซูล ราคา 1300 บาท


ดูข้อมูลที่   http://pannfitgac.blogspot.com/


สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย 


คุณ วราพร แคล้วศึก


โทร. 085-9083178

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของวิตามินซีที่ผสมในฟักข้าว,ฟักข้าวน้ำมัน,ฟักข้าวแคปซูล,ฟักข้าวเวียดนาม





ประโยชน์ของวิตามินซีช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่และลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย

การรับประทานเป็นประจำจะช่วยให้ผิวใส เนียน นุ่มลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ

ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ช่วยในการรักษาและป้องกันโรคหวัด

ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน

ประโยชน์วิตามินซี ช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด

ช่วยต่อต้านการสร้างสารไนโตรซามีน (สารก่อมะเร็ง)

ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด

ประโยชน์ของวิตามินซี ช่วยลดความดันเลือด

ช่วยลดการเกิดเส้นเลือดเลือดอุดตัน ในหลอดเลือดดำ

ช่วยต่อชีวิตให้เซลล์โดยช่วยให้โปรตีนในเซลล์เกาะเกี่ยวกันได้ดีขึ้น

ช่วยเพิ่มการดูดซึมของธาตุเหล็ก

เป็นยาระบายตามธรรมชาติ

เพิ่มประสิทธิภาพของยาที่ใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

ช่วยลดอาการที่เป็นผลมาจากสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้

ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียหลายชนิด

ช่วยเร่งให้แผลหลังผ่าตัดหายเร็วยิ่งขึ้น


ช่วยในการรักษาแผลสด แผลไหม้ให้หายเร็วยิ่งขึ้น



ฟักข้าว แคปซูล 


ปริมาณและราคา 1 ขวด มี 

90แคปซูล ราคา 1300 บาท


ดูข้อมูลที่   http://pannfitgac.blogspot.com/


สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย 


คุณ วราพร แคล้วศึก


โทร. 085-9083178